ลูกชายจ่าคลั่งยิง 2 ศพ หอบเอกสาร “ตารางหมอนัด” ให้ตำรวจ วงในเผยปมขัดแย้ง

ลูกชายจ่าสิบเอกยิง 2 ศพ หอบเอกสาร “ตารางหมอนัด” ให้ตำรวจ วงในเผยมีปมขัดแย้งและอาการป่วยทางสมอง

จากกรณีนายทหารยศจ่าสิบเอก ตำแหน่งเสมียน วิทยาลัยการทัพบก อายุ 59 ปี ได้พกอาวุธปืนไม่ทราบชนิด เข้ามาภายในวิทยาลัยการทัพบก เขตดุสิ และยิงเจ้าหน้าที่ขาย กระดาษไข กระดาษไขรองอบ ซึ่งกำลังปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงาน เป็นเหตุให้นายทหารชั้นประทวนได้เสียชีวิต 2 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย

ตำรวจได้เชิญพยานในที่เกิดเหตุ เเละเพื่อนร่วมงานที่เดียวกันกับผู้ก่อเหตุ เข้ามาให้ปากคำที่ สน.ดุสิต เพื่อคลี่คลายหาสาเหตุที่แท้จริงของการก่อเหตุในครั้งนี้ โดยชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นทหารรุ่นน้อง ทำงานอยู่ภายในวิทยาลัยการทัพบก หลังให้การเสร็จได้เดินออกจากโรงพัก นักข่าวก็ได้พยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าตัวระบุว่า ตอนเกิดเหตุทำงานอยู่อีกอาคารหนึ่ง (ไม่ใช่อาคารเกิดเหตุ) ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จึงหาที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในตึก รอจนกระทั่งเหตุการณ์สงบ จึงออกจากตัวอาคาร โดยไม่ได้ไปดูที่เกิดเหตุ

ที่ผ่านมาทราบว่า จ.ส.อ.ผู้ก่อเหตุ เคยมีปัญหาด้านจิต มีอาการทางประสาท แต่ส่วนตัวก็ไม่เคยพูดคุยด้วย และไม่เคยทราบว่ามีปัญหากับใครหรือไม่

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. ภรรยาพร้อมบุตรชายและบุตรสาวของ จ.ส.อ.ยงยุทธ ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมายังสน.ดุสิต โดยบุตรชายได้นำแฟ้มเอกสารซึ่งหน้าแฟ้มเขียนว่า “ตารางหมอนัด” วิ่งลงจากแท็กซี่ขึ้นไปยังบริเวณชั้น 3 ของ สน. อย่างเร่งรีบ

รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ จ.ส.อ.ยงยุทธ ก่อเหตุในครั้งนี้ น่าจะมาจากปัญหาความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และอีกหลายสาเหตุ ประกอบกับ จ.ส.อ.ยงยุทธ มีปัญหาสมองได้รับกระทบกระเทือน จากอุบัติเหตุในระหว่างเดินทางไปฝึกอบรมหลักสูตรเลื่อนขั้นของกองทัพ และยังมีกระแสข่าวระบุว่า ผู้ต้องหามีภาวะความเครียดจนส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างหนัก จากกรณีถูกผู้บังคับบัญชาเสนอชื่อย้ายออกจากหน่วย เนื่องจากเพื่อนร่วมงานรับพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่ชอบพกพาอาวุธปืนมาที่ทำงาน สร้างความหวาดกลัวให้กับเพื่อนร่วมงาน และมีการขอให้ผู้บังคับบัญชาย้ายออก โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาเคยพยายามก่อเหตุมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ผู้บังคับบัญชาห้ามปรามไว้ก่อน

โดยบรรยากาศล่าสุด เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ในการสอบปากคำ จ.ส.อ.ยงยุทธ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ในการสอบสวนมีนายทหารพระธรรมนูญ รวมถึงผู้บังบัญชาระดับสูงของกองทัพบกและสายบังคับบัญชาของผู้ต้องหา ร่วมสอบปากคำในครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม หากการสอบปากคำแล้วเสร็จทันในช่วงเย็นวันนี้ เจ้าหน้าที่อาจจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลทหารย่านสนามหลวงทันที