โศกนาฏกรรม..พ่อโพสต์รูปครอบครัว ก่อนลั่นไกใส่ลูกๆ ตาย 1 เจ็บ 1 แล้วยิงตัวเองตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุสลด พ่อใช้ปืนยิงลูกชายเสียชีวิต ก่อนยิงลูกสาวอาการสาหัส แล้วลั่นไกจบชีวิตตัวเอง ในร้านขายข้าวสาร ย่านถนนสวนผัก จ.นนทบุรี หลังมาตามหาภรรยา แต่ลูกให้แม่หนีไปแล้ว เพราะมีปัญหาครอบครัว และมักถูกพ่อทำร้าย

เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ ที่ร้านขายข้าวสาร ริมถนนสวนผัก หน้าตลาดกรุงนนท์ ภายในร้านพบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาย อายุ 52 ปี รปภ.โรงงานถุงกระดาษคราฟ ถุงกระดาษหูหิ้วซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ และ ลูกชาย อายุ 25 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้กัน ที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ตกอยู่ที่ขาซ้ายของผู้เป็นพ่อ และยังพบผู้บาดเจ็บอีกราย เป็นลูกสาว อายุ 22 ปี ลูกสาว ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ

ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และรีบนำ

คนขายข้าวมันไก่ยังบอกอีกว่า ลูกชายเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่จังหวัดมหาสารคาม ส่วนลูกสาว กลับมาจากเรียนอยู่ต่างประเทศ เพื่อรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งเต้านม และกำลังรักษาตัวอยู่

ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิต เป็นหลานของภรรยา เล่าว่า ปมสาเหตุ มาจากปัญหาเรื่องภายในครอบครัว โดยเท่าที่ทราบ รู้ว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกันหลายครั้ง แต่รายละเอียดไม่ทราบ ตนเพิ่งมาทราบเหตุหลังจากมีญาติโทรศัพท์มาบอก ตอนนั้นภาวนาขอให้อย่าเป็นเรื่องจริง แต่พอมาถึง เห็นผู้เสียชีวิต 2 รายถูกคลุมผ้าขาว รู้สึกจุกอก

จริงๆ แล้ว ลูกชายเสียชีวิตสนิทกับพ่อ และไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน และลูกชายก็เพิ่งเรียนจบ และกำลังจะบวชทดแทนบุญคุณช่วงสงกรานต์นี้ แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก่อน รู้สึกตกใจ และเสียใจ

ขณะที่ในเฟซบุ๊ก ของผู้ก่อเหตุ เพิ่งจะโพสต์ภาพคู่ภรรยาจำนวนมาก ก่อนก่อเหตุ เป็นภาพครอบครัว และภรรยา กว่า 80 รูป พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “จะจดจำไว้ตลอดกาล ว่าเคยมีเธออยู่ข้างๆ” พร้อมอีโมจิ ร้องไห้ 3 อัน และก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน ได้โพสต์ข้อความว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ำตาใช่ไหม”

ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน ผู้ก่อเหตุยังโพสต์ภาพจดหมาย ที่เขียนด้วยลายมือ ระบุว่า

“ถึงทุกๆคน ทุกๆหน่วยงานว่า ผมขอมอบอำนาจแบบไม่ติดสแตมป์ ผมมีสติดี หากร่างของข้าพเจ้าได้รับความเสียหายเกิน 60% ข้าพเจ้ายินดีขอมอบร่างกายทุกส่วน มอบหรือบริจาคให้องค์กร หรือหน่วยงานใดก็ตามที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ข้าพเจ้าขออุทิศร่างกายนี้ เพื่อสังคมต่อไป ด้วยความเคารพ”

เพื่อนของลูกชาย ยังเล่าว่า ที่ผ่านมาเพื่อนมักมาเล่าให้ฟังว่า พ่อมักมีปัญหากับที่บ้าน แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดที่แท้จริง และเมื่อทราบข่าวว่าเพื่อนถูกพ่อยิง ก็รีบมาที่เกิดเหตุทันที

ล่าสุดเจ้าหน้าที่แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ พฐ. เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะนำร่างของผู้ตายทั้ง 2 ส่งไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช ต่อไป

ตัวลูกสาว ส่งโรงพยาบาลศิริราช เพื่อทำการผ่าตัดช่วยชีวิตด่วน เจ้าหน้าที่Fได้เก็บภาพจากกล้องวงจรปิด 3 ตัว จากทั้งหมด 4 ตัวที่อยู่ในร้านไปตรวจสอบ ขณะที่ภาพกล้องวงจรปิดจากร้านข้างๆ จับภาพเหตุการณ์หลังเกิดเหตุ พบว่าคนงาน และชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียง ต่างวิ่งหนีกันคนละทิศคนละทาง

ลูกจ้างชาวเมียนมาในร้าน เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังยืนตักข้าวสารอยู่หน้าร้าน ได้ยินเสียง ลูกชาย ลูกสาว และพ่อ ทะเลาะกันอยู่ในร้าน แต่ตนฟังไม่ออก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ตนก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมา ส่วนตัวตนเพิ่งมาทำงาน ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกัน

จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นพ่อ มาตามหาภรรยาที่ร้าน เนื่องจากทั้งคู่มีปัญหาครอบครัว และแยกกันอยู่มาประมาณ 1 ปี และเมื่อมาถึงที่ร้าน ปรากฏว่า ไม่เจอภรรยา จึงถามหากับลูกชาย และลูกสาว ทราบว่าทั้งคู่ให้ภรรยาของผู้ก่อเหตุไปอยู่ที่อื่นมาสักพักแล้ว เพื่อไม่ให้พ่อเจอกับแม่ เนื่องจากมีรายงานว่าเคยทำร้ายร่างกายแม่ พ่อมีปากเสียงกับลูกทั้งสองคน ก่อนคว้าปืนลูกโม่ ขนาด .38 มายิงลูกชาย ที่ยืนอยู่หลังร้าน ก่อนจะหันมายิงลูกสาวที่นั่งอยู่หน้าร้าน แล้วจึงยิงตัวเองเสียชีวิตตาม

ขณะที่คนขายข้าวมันไก่ที่อยู่ด้านข้างร้านที่เกิดเหตุ เล่าว่าขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนประมาณห้านัด แต่ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกัน โดยเมื่อยิงไปถึงนัดที่สาม ได้ยินเสียงของลูกสาวร้องขึ้นว่า “โอ๊ย” ก่อนจะได้ยินเสียงดังอีก 2 นัด

คนขายข้าวมันไก่บอกอีกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นครอบครัวนี้ทะเลาะกัน เห็นรักใคร่กันดีและช่วยกันเก็บเงิน ตัวสามีที่ก่อเหตุจะไปขายข้าวสารอยู่ในตลาด ส่วนภรรยาและลูกจะขายอยู่ที่ร้านที่เกิดเหตุ เมื่อเช้าลูกชาย ที่ถูกยิงเสียชีวิต เพิ่งมาสั่งก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดทาน ตอนนั้นมีสีหน้าท่าทางค่อนข้างหงุดหงิด เหมือนมีปัญหาอะไรซักอย่าง

คนขายข้าวมันไก่ยังบอกอีกว่า ลูกชายเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่จังหวัดมหาสารคาม ส่วนลูกสาว กลับมาจากเรียนอยู่ต่างประเทศ เพื่อรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งเต้านม และกำลังรักษาตัวอยู่

ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิต เป็นหลานของภรรยา เล่าว่า ปมสาเหตุ มาจากปัญหาเรื่องภายในครอบครัว โดยเท่าที่ทราบ รู้ว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกันหลายครั้ง แต่รายละเอียดไม่ทราบ ตนเพิ่งมาทราบเหตุหลังจากมีญาติโทรศัพท์มาบอก ตอนนั้นภาวนาขอให้อย่าเป็นเรื่องจริง แต่พอมาถึง เห็นผู้เสียชีวิต 2 รายถูกคลุมผ้าขาว รู้สึกจุกอก

จริงๆ แล้ว ลูกชายเสียชีวิตสนิทกับพ่อ และไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน และลูกชายก็เพิ่งเรียนจบ และกำลังจะบวชทดแทนบุญคุณช่วงสงกรานต์นี้ แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก่อน รู้สึกตกใจ และเสียใจ

ขณะที่ในเฟซบุ๊ก ของผู้ก่อเหตุ เพิ่งจะโพสต์ภาพคู่ภรรยาจำนวนมาก ก่อนก่อเหตุ เป็นภาพครอบครัว และภรรยา กว่า 80 รูป พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “จะจดจำไว้ตลอดกาล ว่าเคยมีเธออยู่ข้างๆ” พร้อมอีโมจิ ร้องไห้ 3 อัน และก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน ได้โพสต์ข้อความว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ำตาใช่ไหม”

ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน ผู้ก่อเหตุยังโพสต์ภาพจดหมาย ที่เขียนด้วยลายมือ ระบุว่า

“ถึงทุกๆคน ทุกๆหน่วยงานว่า ผมขอมอบอำนาจแบบไม่ติดสแตมป์ ผมมีสติดี หากร่างของข้าพเจ้าได้รับความเสียหายเกิน 60% ข้าพเจ้ายินดีขอมอบร่างกายทุกส่วน มอบหรือบริจาคให้องค์กร หรือหน่วยงานใดก็ตามที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ข้าพเจ้าขออุทิศร่างกายนี้ เพื่อสังคมต่อไป ด้วยความเคารพ”

เพื่อนของลูกชาย ยังเล่าว่า ที่ผ่านมาเพื่อนมักมาเล่าให้ฟังว่า พ่อมักมีปัญหากับที่บ้าน แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดที่แท้จริง และเมื่อทราบข่าวว่าเพื่อนถูกพ่อยิง ก็รีบมาที่เกิดเหตุทันที

ล่าสุดเจ้าหน้าที่แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ พฐ. เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะนำร่างของผู้ตายทั้ง 2 ส่งไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช ต่อไป