บุกรวบ “มาดามมุกดา” หลอกเงินพระสงฆ์ 7 ล้าน ตีสนิทเป็นปีๆ อ้างจะเอาเงินไปสร้างวัด

บุกรวบ “มาดามมุกดา” หลอกเงินพระสงฆ์ 7 ล้าน วางแผนตีสนิทเป็นปีๆ ตำรวจเผย 2 เดือนก่อนเพิ่งก่อเหตุแบบนี้ เหยื่อสูญ 34 ล้าน

(31 พ.ค. 64) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดอุดรธานี นำหมายศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.96/2564 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 เข้าจับกุมตัว นางสาวมุกดา หรือ “มาดามมุกดา” อายุ 49 ปี อดีตเจ้าของโรงงานผลิต ถุงคุกกี้ซีลกลาง ซองคุกกี้ซีล ชาว ต. บ้านเลื่อม อ.เมืองจังหวัดอุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหา ฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หลังจากได้ร่วมกันกับพวกฉ้อโกงเงินจากพระสงฆ์รูปหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ไปกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

กระทั่งสืบทราบว่า นางสาวมุกดา พักอาศัยอยู่ที่บ้าน ถนนรอบเมือง ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงได้ร่วมกันนำหมายศาลเข้าทำการเข้าตรวจสอบ พบนางสาวมุกดา จึงแสดงหมายจับ นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยมี พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ร่วมทำการสอบสวน แต่ผู้ต้องหาได้ยังการภาคเสธ

พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น กล่าวว่า การจับกุมตัวมาดามมุกดาครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากประมาณช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้มีผู้เสียหายเป็นพระสงฆ์ของวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ว่าถูกนางสาวมุกดา หรือ “มาดามมุกดา” หลอกฉ้อโกงเอาเงินไปกว่า 7 ล้านบาท โดยจากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ ได้เข้าไปตีสนิทกับพระรูปนี้มาเกือบหนึ่งปีแล้ว โดยใช้วิธีการเข้าไปทำบุญและขอเช่าวัตถุมงคลกับพระอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดความสนิทคุ้นเคยและไว้เนื้อเชื่อใจกัน ก่อนที่ผู้ต้องหาจะวางแผนกับพวกเพื่อฉ้อโกงเอาเงินจากพระ

โดยช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้ต้องหาและพวก 1 คน ได้มาที่วัดขอบูชาปี่เซียะกับพระรูปดังกล่าว ในราคา 400,000 บาท โดยจ่ายเป็นเงินสด พร้อมกับบริจาคเงินในตู้บริจาคตู้ละ 1,000 บาท ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง ต่อมาจึงเริ่มออกอุบายว่า ต้องการทำบุญด้วยการสมทบทุนสร้างวัดในต่างประเทศ แต่ตนเองมีปัญหาเรื่องการเงิน โดยอ้างว่าบัญชีธนาคารถูกอายัด ทำให้ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงต้องหาเงินไปเดินเรื่องขอปลดล็อกบัญชีกับทางธนาคารก่อน หากปลดล็อกได้ก็จะนำเงินไปสร้างวัด จากนั้นจึงให้ผู้ร่วมขบวนการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่ ปปง. ติดต่อเข้ามาพูดคุย จนพระหลงเชื่อให้ทยอยโอนเงินไปรวมกว่า 7 ล้านบาท

นอกจากการก่อเหตุกับพระสงฆ์ที่ตกเป็นผู้เสียหายรายล่าสุดแล้ว ข้อมูลจากชุดสืบสวน ยังระบุว่า เมื่อ 2 เดือนก่อน ผู้ต้องหารายนี้ยังก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับผู้เสียหายรายหนึ่งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี โดยสูญเงินไปกว่า 34 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายได้ยื่นประกันตัวออกไป ก่อนจะมาก่อเหตุอีกครั้ง